ตำแหน่ง กองกลาง, มิดฟิลด์ วันเกิด 10 สิงหาคม 1971 (53 ปี)
สถานที่เกิด คอร์ก, ไอร์แลนด์ น้ำหนัก 76 ส่วนสูง 180 ทีมชาติ ไอร์แลนด์
รอย คีน เริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลกับ คอบห์ รัมเบลอร์ส ต่อมา ไบรอัน เคลาจ์ ได้ติดต่อ และพาเขาย้ายไปเล่นให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในขณะที่เขาอายุได้ 18 ปี โดยการลงสนามนัดแรกของเขาเป็นบทพิสูจน์ตัวเขาเองอย่างแท้จริง เมื่อทีมต้องไปเยือนลิเวอร์พูล ทีมซึ่งได้แชมป์ลีกในปีนั้น และเขาก็จบฤดูกาลแรกที่เขาเล่นให้กับทีมแบบเต็มที่ กับการลงเล่นในเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก ในปี 1991 เมื่อเขาอายุได้ 20 ปี
จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา ก็ไม่สามารถหลุดรอดผ่านสายตาของผู้จัดการทีมชาติไปได้ โดย แจ็ค ชาร์ลตัน ผู้จัดการทีมสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในขณะนั้น เรียกเขาติดทีมชาติในเดือน พฤษภาคม ปี 1991
ในฤดูกาลหลังจากนั้นน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมของเขาก็พ่ายให้กับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 0 ในลีก คัพ รอบชิงชนะเลิศ อีกทั้งทีมต้องตกชั้นในฤดูกาลถัดมา ทำให้ในช่วงปิดฤดูกาลการแย่งชิงตัวเขาจึงเกิดขึ้น และผู้ที่สามารถเซ็นสัญญาได้ตัวเขาไปร่วมทีมก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับค่าตัว 3.75 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดของสโมสร และของทีมในเกาะอังกฤษเวลานั้น
ในระหว่างที่เขาเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งทักษะ การขับเคลื่อน การตัดสินใจ และความมุ่งมั่นในเกมทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ ทำให้หลายคนต่างเปรียบเขากับอดีตนักเตะตำนานของทีม ไบรอัน ร็อบสัน เลยทีเดียว
ปัจจุบันเขามีตำแหน่งเป็นถึงกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งรับช่วงต่อจาก เอริค คันโตน่า หลังจบฤดูกาล 1996-1997 เมื่อก็องโต้ ประกาศแขวนสตั๊ด แต่ก่อนเริ่มฤดูกาลแรกของการเป็นกัปตันทีมเพียงไม่กี่วัน เขากลับต้องพบกับอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ทำให้ต้องพักเป็นระยะเวลานานทีเดียว
มีผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคนให้ข้อสังเกตว่า ฤดูกาลใดก็ตามที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สะดุด หรือโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังนั้น มักสืบเนื่องมาจากการขาด รอย คีน และจากการบาดเจ็บของเขาในเดือนกันยายน ปี 1997 ทำให้ทีมปีศาจแดงต้องพลาดแชมป์ในปีนั้น และทีมชาติของเขาเองก็ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกในปี 1998 ด้วย
ในฤดูกาล 1998-1999 คีนกลับมาลงเล่นด้วยความฟิตเหมือนเดิม และเขาสามารถช่วยทีมได้มากทีเดียว จนกระทั่งในรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เขาต้องถูกใบแดงไล่ออกจากสนามตามด้วยการถูกใบเหลืองในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศที่พบกับยูเวนตุส ทำให้เขาไม่ได้ร่วมทีมในนัดแห่งความทรงจำที่บาร์เซโลน่า อย่างไรก็ดี เขาสามารถกลับมาลงเล่นให้กับทีมได้ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่พบกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และขึ้นรับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ชิพในที่สุด
การเจรจาเซ็นสัญญากับเขาในฤดูกาล 1999-2000 ก็เริ่มขึ้นด้วยการประโคมข่าวต่างๆ นานาของสื่อ ทั้งข่าวที่ว่ากัปตันทีมผู้นี้ปฏิเสธข้อเสนอของสโมสรจนกระทั่งก่อนเริ่มเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก กับบาเลนเซีย ก็มีการประกาศออกมาว่าเขาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเล่นให้กับทีมเหมือนไม่มีอะไรหนักอกหนักใจอีกแล้ว
คีนสามารถทำประตูให้กับทีมได้ถึง 12 ประตูในฤดูกาลนั้น ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นประตูที่ได้ในฟุตบอลถ้วยยุโรป และด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็น "นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล" โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หลังจากนั้นเขาก็ยังพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก เป็นครั้งที่ 7 ของสโมสรในฤดูกาล 2000-2001
ทางด้านการลงเล่นให้ทีมชาติ เขาก็ลงเล่นนัดที่ 50 ให้กับทีมชาติ ด้วยชัยชนะเหนือ ไซปรัส 4 - 0 จากฟอร์มการเล่นของเขาช่วยพาทีมผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยอยู่ในกลุ่มเดียวกับโปรตุเกส และฮอลแลนด์ แต่เขาได้มีปัญหากับผู้จัดการทีมชาติ มิค แม็คคาธี่ย์ ทำให้ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศและไม่สามารถลงเล่นช่วยทีมชาติได้ในขณะนั้น สื่อต่างก็ประโคมข่าวกันมากมายว่าเกิดอะไรขึ้น และทำนายกันว่าจะเกิดอะไรตามมา โดยหลังจากนั้นไม่กี่เดือนคีนก็ออกมาประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติไอร์แลนด์ ในที่สุด
เขาโชคไม่ค่อยดีนักเมื่อต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณสะโพก และต้องพักไปอีกหลายเดือนในช่วงต้นฤดูกาล และเมื่อเขากลับมา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสงบ และใจเย็นขึ้นในการลงสนาม และแม้ว่าจะมีคำถามมากมายจากแฟนบอล และสื่อมวลชนว่าเขาจะอยู่กับทีมอีกนานแค่ไหน และจะย้ายออกไปเมื่อไหร่ แต่คีนเองก็ตอบคำถามนี้ด้วยตนเองว่า "ผมยังคงมีงานต้องทำที่นี่อีกอย่างน้อย 2 - 3 ปีนี่แหละ" ซึ่งนั่นก็คงสร้างความมั่นใจให้กับแฟนปีศาจแดงได้ไม่น้อย
|