ไม่กี่วันก่อนที่ เจสซี่ ลินการ์ด จะถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ MUTV ก็ได้สัมภาษณ์ศูนย์หน้าดาวรุ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรายนี้เกี่ยวกับชีวิตในช่วงแรกๆ กับสโมสร
ลินการ์ดก้าวขึ้นมาจากระบบเยาวชน และล่าสุดก็ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดเขาทำประตูในระดับแข่งขันจริงให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ด้วย จากนั้นประตูทีมชาติก็เปิดต้อนรับเขา นับว่านักเตะวัย 22 ปีผู้นี้สามารถมองย้อนกลับไปถึงพัฒนาการของเขาด้วยความภาคภูมิใจได้แล้ว
เราชอบประตูของคุณในเกมกับเวสต์ บรอมฯ นั่นมีที่มาจากการทำงานอย่างหนักของคุณหรือเปล่า?
แน่นอน เราทำงานกันมาอย่างหนัก และผมก็ไม่รู้จะขอบคุณโค้ชอย่างไรดีที่เลือกผม การได้เห็นมันพุ่งสู่ตาข่ายถือเป็นความรู้สึกที่ดีสำหรับผม และครอบครัวของผม มันก็คล้ายๆ กับตอนที่ผมได้แชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ หวังว่าผมจะได้ลงสนามต่อเนื่อง และผลิตสกอร์ให้ได้มากกว่านี้กับสโมสร
บอกเราหน่อยถึงการที่ลงเล่นในระดับเยาวชนที่วาร์ริงตันมาจนถึงการได้เล่นในพรีเมียร์ ลีกให้กับยูไนเต็ดชุดใหญ่...
ผมเคยอยู่กับสโมสรท้องถิ่นอย่างเพนเคธ ยูไนเต็ด และแมวมองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ชื่อ ไมค์ เกล็นนี่ ก็มาเห็นผมเข้า เขามาคุยกับปู่ของผม และบอกให้ผมไปทดสอบฝีเท้า ซึ่งผมก็ได้รับความสนใจจากลิเวอร์พูลด้วยเหมือนกันในตอนนั้น ผมยังเด็กอยู่มาก แต่หัวใจของผมก็มอบให้กับยูไนเต็ดไปแล้ว ผมเติบโตตลอดหลายปีที่ผ่านมาร่วมกับ ลาร์เนลล์ โคล, ไมค์ และ วิลล์ คีน, แซม จอห์นสโตน, ราเวล มอร์ริสัน และ ไรอัน ทันนิคลิฟฟ์ หลายคนก็ไปพัฒนาฝีเท้าต่อกับสโมสรอื่นแล้ว และพวกเขาก็ดีใจที่ผมก้าวมาได้ถึงตรงนี้ ผมคว้าแชมป์มาได้มากมาย อย่างเช่นเอฟเอ ยูธ คัพ และแชมป์ลีกของทีมสำรอง แต่ตอนนี้ผมอยากจะทำให้ดีไปกว่านั้นด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกร่วมกับทีมชุดใหญ่
คุณลงเล่นให้กับยูไนเต็ดในพรีเมียร์ คัพ ยู-15 และกับทีมชาติอังกฤษ คุณก็ได้ไปลุยศึกนอร์ดิก ยู-17 มาแล้ว...
โดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่คิดว่าผมพร้อมสำหรับทีมชาติอังกฤษในตอนนั้น เพราะผมยังตัวเล็กอยู่มากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ผมยังมีภาพนั้นอยู่ที่บ้านเลยที่ผมใส่เสื้อยาวมาถึงหัวเข่า! แต่ตอนนี้ผมก็พร้อมแล้วที่จะเป็นตัวแทนของประเทศชาติหลังจากที่ถูกเรียกตัว ขณะที่ในรายการพรีเมียร์ ลีก ตอนนั้นผมก็ยังตัวเล็กมากเช่นกัน ผมมีภาพอยู่ในอินสตาแกรมที่ผมเข้าแย่งบอลกับ 2 ผู้เล่นที่ตัวใหญ่กว่า เราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ ไปเจอกับบาร์เซโลน่า และมันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ตอนนั้นเรามีทีมที่ยอดเยี่ยม แต่เราก็ไปแพ้ในรอบรองฯ ที่ว่านั้น บาร์ซ่ามีทีมที่ดี ผมคิดว่าเราก็น่าจะชนะอยู่นะ แต่โดยรวมแล้วก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอยู่
คุณพัฒนาตัวเองต่อไปอย่างไรเมื่อได้เข้ามาเล่นให้กับทีมอคาเดมี่แบบเต็มตัว?
ในปีแรกของผม ผมไม่ค่อยได้เล่นให้กับทีมชุดยู-18 บ่อยนัก เนื่องจากสภาพร่างกายของผม ส่วนใหญ่ผมจะเล่นให้กับทีมชุดยู-16 แต่ผมก็ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดยู-18 ได้ในปีที่ 2 ต่อด้วยทีมสำรอง วาร์เรน จอยซ์ เชื่อใจผมมากทางฝั่งซ้าย เขารู้ดีว่าผมถนัดตำแหน่งนี้ ผมได้ขึ้นมาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ด้วยเช่นกันในช่วงที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีม จากนั้นพอ เดวิด มอยส์ เข้ามา ผมก็ได้ซ้อมกับพวกเขามากขึ้น ตอนนี้ก็เป็น หลุยส์ ฟาน กัล และผมก็ได้ฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ทุกๆ วันเลย
ถือเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนในตอนที่คุณก้าวขึ้นมาสู่ทีมสำรองได้?
มันยิ่งใหญ่มาก ผมได้ก้าวขึ้นมาร่วมกับคนอื่นๆ จากทีมชุดยู-18 อย่าง ปอล ป็อกบา, ลาร์เนลล์ โคล, ไรอัน ทันนิคลิฟฟ์ เราได้ขึ้นมาเล่นกับทีมสำรองในตอนนั้นที่มีทั้ง แม็ตตี้ เจมส์, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ และ ริทชี่ เดอ แลต ซึ่งจอยซ์ก็ต้องการให้ผมลงเล่นให้มากที่สุดเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ ผมจำได้ว่าเคยเล่นกับแอสตัน วิลล่าที่อัลทริงแคมร่วมกับ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, คริส สมอลลิ่ง และ ฟิล โจนส์ ด้วย ถือเป็นเรื่องดีมากเลยที่วาร์เรนให้ผมเล่นในเกมนั้น เซอร์ อเล็กซ์ก็เข้ามาชมเกม และผมก็ทำประตูได้ด้วย
เมื่อมองย้อนกลับไป ถือเป็นเรื่องแปลกไหมที่คุณพัฒนาร่างกายมาได้ขนาดนี้?
แน่นอน มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านในช่วงชุดยู-18 มาจนถึงทีมสำรอง ผมอยู่กับวาร์เรนในโรงยิมทุกๆ วัน แม้กระทั่งตอนออกไปเล่นแบบยืมตัว ผมก็ซ้อมในยิมอย่างหนัก เขาจะไม่ยอมให้ผมหยุดพัฒนาร่างกายกลางคันแน่นอน
คุณจะสรุปการเดินทางในสายฟุตบอลของคุณจนถึงตอนนี้ว่าอย่างไรดี?
ผมคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อ การก้าวขึ้นมาตั้งแต่ทีมชุดยู-7 จนถึงขณะนี้ มันน่าเหลือเชื่อ ผมไม่รู้จะขอบคุณเหล่าสต๊าฟฟ์ของยูไนเต็ดเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ พวกเขาอาจปล่อยผมออกไปจากทีมก็ได้เพราะผมตัวไม่สูง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ผมคงเล่นให้กับทีมอื่นไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเก็บผมเอาไว้ พวกเขามองเห็นถึงความสามารถในตัวผม และผมก็ต้องขอบคุณตรงนี้มากๆ