ก่อนที่จะถึงทัวร์ 2015 ที่นำเสนอโดยเอออน เราจะมาย้อนอดีตถึงเรื่องราวสุดสำคัญ และลืมไม่ลงจากประวัติศาสตร์ของทีมปีศาจแดง เราเชื่อว่าเรื่องราวจากหน้าประวัติศาสตร์อันแสนเกรียงไกรนี้เป็นเรื่องที่สุดยอดไม่แพ้ใคร ในตอนที่ 7 ของซีรี่ส์นี้ เราจะพูดถึงการเข้ามาสู่สโมสรของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งก็ได้อดีตลูกทีมของเขาอย่าง เดนิส เออร์วิน มาร่วมยกย่องถึงยอดกุนซือชาวสก็อตผู้นี้ด้วย...
เดือนพฤศจิกายน 1986 หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลายเป็นยักษ์หลับไปพักใหญ่นับตั้งแต่ยุคของ แมตต์ บัสบี้ เมื่อ 4 ทศวรรษก่อน โอลด์ แทรฟฟอร์ดก็ได้ผู้จัดการทีมชาวสก็อตในวัยหนุ่มก้าวเข้ามารับตำแหน่ง และเขาก็ได้สร้างทีมขึ้นมาจารึกประวัติศาสตร์สโมสรตามแบบฉบับของเขาเอง
ในช่วงระยะเวลา 18 ปีระหว่างการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 1968 จนถึงการแต่งตั้ง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ใช้ผู้จัดการทีมไปทั้งหมด 5 คน โดยนอกเหนือจากนั้นก็ยังมีบัสบี้ที่เข้ามารับตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ด้วย ในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษดังกล่าว ทีมปีศาจแดงทำได้เพียงคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 3 สมัย เมื่อปี 1977, 1983 และ 1985 กลายเป็นคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลที่ครองความยิ่งใหญ่ในประเทศ ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับถ้วยใหญ่ที่สุดของอังกฤษ นั่นก็คือแชมป์ลีก
เมื่อ รอน แอตกินสัน ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม บอร์ดบริหารของสโมสรก็ได้แต่งตั้งชายคนหนึ่งที่พาอเบอร์ดีนผงาดคว้าแชมป์ลีกสก็อตแลนด์ โดยเอาชนะได้ทั้ง 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งเมืองกลาสโกว์ นั่นก็คือเซลติก และเรนเจอร์ส ยิ่งไปกว่านั้น เฟอร์กูสันยังเคยพาทีมของเขาเอาชนะเรอัล มาดริดในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1983 มาได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนที่เกิดมาเพื่อชัยชนะโดยแท้จริง "ตอนที่เราได้ไปเจอเขา" มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส ประธานสโมสรในตอนนั้นย้อนความหลัง "เราสัมผัสได้เลยว่าเขาเป็นคนที่มีไฟ นั่นยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่าเขาเป็นคนที่น่าประทับใจขนาดไหน"
เฟอร์กูสันมีเงื่อนไขในสัญญาของเขากับอเบอร์ดีนว่าสามารถปล่อยตัวเขาไปได้ทันทีหากว่าได้ข้อเสนอเข้ารับงานที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และเขาก็ได้บอกว่าการเจรจาในครั้งนี้ไม่ได้มีความยากเย็นอะไรเลย "มันเยี่ยมมากที่ผมเป็นผู้ถูกเสนอชื่อแบบเจาะจง มันน่าดีใจที่เป็นแบบนั้น" เขากล่าว แต่ในการมาถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ดช่วงแรกๆ นั้น เส้นทางของกุนซือชาวสก็อตก็ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องใช้เวลาเพื่อสั่งสมบารมีจนเป็นที่เคารพสำหรับตำแหน่งตรงนี้
ตอนนั้นทีมแมวมอง และระบบเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่ค่อยสู้ดีนัก ขณะที่นักเตะในทีมชุดใหญ่ก็ปล่อยตัวจนขาดความฟิต แถมยังมีปัญหาเรื่องการดื่มอีกด้วย ขณะที่เขาตระหนักได้ว่ายังมีหนทางอีกไกลรอเขาอยู่ข้างหน้า เฟอร์กูสันก็ได้ประกาศจุดยืนของเขาในคอลัมน์แรกของเขาในหนังสือโปรแกรม United Review ว่า "การเข้ามารับตำแหน่งในสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นเป็นงานที่ยิ่งใหญ่" เขาเขียน "ผมไม่สนใจมากนักว่าในอดีตมีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับที่นี่ ผมไม่ได้หมายความว่าผมไม่ให้เกียรติกับสิ่งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ทำมาตลอดหลายปี แต่มันจะเป็นเรื่องง่ายหากเรามองไปยังแค่ทิศทางเดียว นั่นก็คือมองไปข้างหน้า"
ด้วยการที่มี อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมบังเหียน การมุ่งหน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ไปถูกทาง แม้ในตอนนั้นมันยังยากที่จะคาดเดาว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่อย่างน้อยมันก็สัมผัสได้ว่าสโมสรจะดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน