คาสิโนออนไลน์ วันนี้เมื่อ 104 ปีก่อน (19 กุมภาพันธ์ 1910) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลงเล่นเกมเหย้านัดแรกที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด และเราก็จะมาย้อนอดีตไปถึงสนามที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และมรดกตกทอดแห่งนี้...
มันถูกตั้งอยู่ระหว่างคลองบริดจ์วอเตอร์กับรางรถไฟ โอลด์ แทรฟฟอร์ดถูกสร้างขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม หลังจากนั้นบรรยากาศของพื้นที่บริเวณนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยคำกล่าวที่ว่า นี่คือสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, นี่คือโรงละครแห่งความฝัน
เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นผู้ใช้วาทะเด็ดนี้ในหนังสือ Soccer ที่เขียนโดย จอห์น ไรลี่ย์ ในช่วงต้นการคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในปี 1987 นับตั้งแต่ตอนนั้นสนามเหย้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เต็มไปด้วยเหตุการณ์ดราม่าเกิดขึ้นมากมาย และแม้ว่าจะกล่าวด้วยความถ่อมตัวแล้ว มันก็ยังถือเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบที่สุดในวงการฟุตบอลของสหราชอาณาจักร
โอลด์ แทรฟฟอร์ด ถือเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักรเลย (รองจากเวมบลีย์) และถือว่าใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ของยุโรป มันมีการพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดนับตั้งแต่ดีไซน์แรกเมื่อปี 1909 โดยสถาปนิกที่มีชื่อว่า อาร์คิบัลด์ ไลช์ท ซึ่งเคยออกแบบสนามมาแล้วมากมาย ทั้งแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล, คราเว่น ค็อตเทจ ของฟูแล่ม และไอบร็อกซ์ สเตเดี้ยม ของเรนเจอร์ส นอกจากนี้ก็ยังมีอีกมากมาย
ย้อนกลับไปในช่วงนั้น ประธานสโมสร จอห์น เฮนรี่ เดวี่ส์ เล็งเห็นว่าสนามเหย้าแห่งเดิมที่แบงค์ สตรีท นั้นไม่น่าจะเหมาะสมอีกต่อไปแล้วกับสโมสร เขาจึงลงทุน 60,000 ปอนด์เพื่อสร้างสนามแข่งใหม่ ซึ่งมันเคยถูกยกย่องจากนักข่าวว่าเป็น "สนามแข่งที่ดูดีที่สุด, กว้างใหญ่ที่สุด และน่าจดจำที่สุดตั้งแต่ที่ผมเคยเห็นมา เมื่อมองในแง่ของสนามฟุตบอล นี่ถือว่าดีที่สุดในโลกเลย ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเมืองแมนเชสเตอร์"
สำหรับโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้นเคยใช้จัดแข่งนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ นัดรีเพลย์ ปี 1911 และนัดชิงชนะเลิศในปี 1915 มาแล้ว ก่อนที่อีก 11 ปีหลังจากนั้นมันจะถูกใช้จัดเกมในระดับทีมชาติเป็นครั้งแรก
สนามแห่งนี้ต้องหยุดใช้งานอยู่พักใหญ่เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และนั่นก็นำมาซึ่งความเสียหายกับตัวสนามด้วย วันที่ 8 มีนาคม 1941 เยอรมันได้ทิ้งระเบิดลงมาที่ย่านอุตสาหกรรมแทรฟฟอร์ด พาร์ค และส่วนหนึ่งก็ไปโดนที่ตัวสนามพอดี มันสร้างความเสียหายแก่สแตนด์หลัก, เผาสนามหญ้าจนไหม้เกรียม และก็ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องไปเช่าสนามเมน โร้ด ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นเกมเหย้าแทน มูลค่าความเสียหายในครั้งนั้นคือ 15,000 ปอนด์ ซึ่งเป็นค่าบูรณะสนามจากทางสโมสร จากนั้นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้งในปี 1949
การส่งทีมลงแข่งในยูโรเปี้ยน คัพ นั้นหมายความว่าทางสโมสรจะต้องปรับปรุงเรื่องของแสงไฟในสนาม ซึ่งทีมปีศาจแดงก็ได้ลงเตะจนผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศพบกับเรอัล มาดริด ในเดือน 1966 มีการเปิดตัวสแตนด์ใหม่ทางฝั่งเหนือเพื่อใช้จัดฟุตบอลโลก รวมถึงบ็อกซ์พิเศษที่มีการติดตั้งเป็นครั้งแรกในสนามฟุตบอลของอังกฤษ เป็นไอเดียของ แมตต์ บัสบี้ หลังจากที่เขาได้ไปชมเกมเบสบอลที่สหรัฐอเมริกามา จากนั้นก็มีการติดตั้งรั้วเหล็กเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวนฮูลิแกนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงยุค 1970
หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมที่ฮิลส์โบโร่ในปี 1989 ก็มีการแนะนำให้ทีมชั้นนำปรับสนามให้เป็นแบบที่นั่งทั้งหมด นั่นทำให้จำนวนความจุของโอลด์ แทรฟฟอร์ด ลดลงเหลือเพียงแค่ 44,000 ที่นั่งเท่านั้น ด้วยความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นของทีมปีศาจแดงในยุค 1990 ทำให้มีการต่อเติมอัฒจันทร์สเตรทฟอร์ด เอนด์ ขึ้นมา จากนั้นก็มีการปรับปรุงอัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือ, ตะวันออก และตะวันตกอีกด้วย เพื่อเตรียมใช้จัดนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2003 มีการเพิ่มชั้น 2 ให้กับอัฒจันทร์ตรงมุมสนามด้วย ทำให้สถิติแฟนบอลในสนามเพิ่มสถิติขึ้นเป็น 76,098 คนในเกมที่พบกับแบล็คเบิร์นในปี 2007 ทุกวันนี้ หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนผังที่นั่งใหม่ ความจุของสนามก็คือ 75,524 ที่นั่ง
ทุกวันนี้โอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งซุ้มอุโมงค์มิวนิค, นาฬิกาที่หยุดเวลาเอาไว้ รวมถึงรูปปั้นของบุคคลสำคัญทั้ง เซอร์ แมตต์ บัสบี้, จอร์จ เบสต์, เดนิส ลอว์, เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยล่าสุดอดีตยอดกุนซือชาวสก็อตถูกนำชื่อมาตั้งที่อัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือด้วย
เหมือนกับเมืองแมนเชสเตอร์ สนามแห่งนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันดูทันสมัยขึ้น แต่โดยรวมแล้วแก่นแท้ของมันก็ยังคงเดิม หลังจากที่ผ่านมา 104 ปี มันก็ยังเป็นสถานที่ที่แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคนใฝ่ฝันว่าจะต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต