
หลังจากออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ แย่ที่สุดของทีมตั้งแต่มีพรีเมียร์ ลีก อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ออกมาพูดถึง "การเปลี่ยนแปลงอำนาจ" ช่วงเวลาอันเรืองรองของทีมสิ้นสุดไปแล้ว? ความล้มเหลวเริ่มเข้ามาปกคลุมทีม?
ด้วยความสามารถอันเอกอุของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่พยายามจัดการทีมให้เข้ารูปเข้ารอย นี่เป็นฤดูกาลแรกของริโอ และเป็นเพียงฤดูกาลที่สองของ รุด ฟาน นิสเตลรอย และ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และทีมก็เริ่มติดเครื่องตอนกลางฤดูกาล โดยชัยชนะเหนือนิวคาสเซิล, ลิเวอร์พูล จากสองประตูของฟอร์ลัน ที่แอนฟิลด์ และอาร์เซนอล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เร่งเครื่องบีบช่องว่างเก้าคะแนนเหลือเพียงแค่สาม การแพ้มิดเดิ้ลสโบรซ์ ตอนวันบ็อกซิ่ง เดย์ อาจจะดูเหมือนหยุดโอกาสไป แต่การกลับมาชนะหกนัดรวดก็พาทีมกลับมาสู่เส้นทางคว้าแชมป์อีกครั้ง
เหลืออีก 10 นัด และอาร์เซนอล นำอยู่ 5 แต้ม แต่นั่นไม่พอหรอก น้อยไปด้วยซ้ำ สิบนัดสุดท้าย ปีศาจแดงซัดไป 29 ประตู และเก็บชัยไปเก้าเกม มันไม่ใช่ทีมฟุตบอลแล้ว นี่มันหน่วยรบชัดๆ และดาวซัลโวก็ไม่ใช่ใครอื่น รุด ฟาน นิสเตลรอย จัดการซัดไป 13 ประตูจาก 8 เกม ยิงรวมทั้งฤดูกาล 25 ลูก
และเหยื่อรายใหญ่ที่สุดก็คือ นิวคาสเซิล ที่จบฤดูกาลด้วยอันดับสาม โดนพอล สโคลส์ ซัดแฮตทริก ในนัดที่ไปเยือนเซนต์ เจมส์ ปาร์ค แล้วกลับออกมาด้วยชัยชนะ 6 - 2 ต่อด้วยการถล่มลิเวอร์พูล 4 - 0 ในโอลด์ แทฟฟอร์ด โซลชาร์ ซัดประตูปิดชัยนาทีสุดท้ายได้เช่นเคย
กลางเดือนเมษายน แมนฯ ยูไนเต็ด มีแต้มนำอยู่สามแต้ม และเล่นมากกว่าอาร์เซนอล หนึ่งเกม การบุกไปยันเสมอ 2 - 2 ที่ไฮบิวรี่ จากการโหม่งประตูตีเสมอไรอัน กิ้กส์ ที่ไม่ค่อยได้โหม่ง ทำให้เราถือความได้เปรียบอยู่เต็มประตู และหลังจากอาร์เซนอล พลาดทั้งเกมกับโบลตัน และลีดส์ ถ้วยแชมป์ก็กลับบ้าน
เกมสำคัญ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 ลีดส์ ยูไนเต็ด 1
โอลด์ แทรฟฟอร์ด - 5 มีนาคม 2003
มันดีทุกครั้งที่ชนะลีดส์ ยูไนเต็ด ได้ และดีกว่าถ้าได้ประตูชัยช่วงท้ายๆ จากคนที่ไม่คิดว่าจะยิงได้ เป็นมิเกล ซิลแวสตร์ ที่ดอดขึ้นมาโหม่งประตูชัยในขณะที่เหลืออีก 11 นาทีจะหมดเวลา