
ตอนจบฤดูกาล 1996/97 นั้น แต้มห่างระหว่างสี่อันดับแรกมีเพียงแค่เจ็ดคะแนนเท่านั้น และทั้งเจ็ดแต้มเป็นของเรา ที่ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ในฤดูกาล ที่มีการขับเคี่ยวตำแหน่งแชมเปี้ยนอย่างดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ ลีก ทั้งนี้ต้องยกประโยชน์ให้การเก็บคะแนนในเกมที่เจอกับผู้ท้าชิงได้นั่นเอง
การเก็บหกคะแนนเต็มทั้งเหย้า และเยือน จากอาร์เซนอล และลิเวอร์พูล ไม่เพียงแต่ได้คะแนนมาเท่านั้น แต่ยังส่งผลทางจิตใจอย่างมากด้วย อาร์เซนอลนั้น ต้องยกเครดิตให้พวกเขาด้วยการกลับมาเป็นแชมป์ในปีถัดไป แต่กับลิเวอร์พูลนั้นก็ยังต้องไขว่คว้าหาแชมป์ลีก ที่ห่างเหินกันมาต่อไป
แต่ไม่ใช่เราจะโชว์ฟอร์มได้ดีตลอดทั้งฤดูกาล โดยช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฟอร์มของทีมก็ตกต่ำเหมือนใบไม้ ด้วยการพ่ายแพ้อย่างถล่มทลายถึงสองนัด ออกไปแพ้นิวคาสเซิล 5 - 0 ลงใต้ไปโดนนักบุญถล่มปีศาจ 6 - 3 ตามด้วยการแพ้เชลซี อีก 2 - 1 แต่หลังจากถูกถล่มซ้ำจากเหล่านักข่าวหนังสือพิมพ์ เซอร์ อเล็กซ์ ก็กลับมาตั้งหลัก มุ่งมั่นตั้งใจพาทีมไม่แพ้ใครติดต่อกัน 16 นัดรวม ตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน จนถึง 8 มีนาคม และเป็นชัยชนะถึง 12 นัด
และเกมที่เป็นไฮไลต์ในช่วงนั้นคือ นัดที่ถล่มซันเดอร์แลนด์ ในโอลด์ แทรฟฟอร์ดไป 5 - 0 โดยเอริค คันโตน่า ยิงไป 2 ประตู ซึ่งฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลสุดท้ายที่เขาอยู่กับทีม และในลูกที่สองที่เขาชิพบอลข้ามหัวผู้รักษาประตูเข้าไป เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดที่เขาทำได้เลยทีเดียว
นอกจากนั้น ฤดูกาลนี้ยังเป็นการแจ้งเกิดของ "เพชรฆาตหน้าทารก" โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ หลังจากย้ายมาร่วมทีมฤดูกาลแรก แต่ทำได้ 18 ประตู แซงหน้าคันโตน่า และโคล เป็นดาวซัลโวของสโมสร แต่ประตูที่เด่นที่สุดในฤดูกาลคือลูกยิงครึ่งสนามของเดวิด เบ็คแฮม ผ่านนีล ซุลลิแวน เข้าไปตุงตาข่าย
เกมสำคัญ
ลิเวอร์พูล 1 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3
แอนฟิลด์ - 19 เมษายน 1997
เป็นอีกหนึ่งเกมที่ "ความเฟอะฟะ" ของเดวิด เจมส์ นายประตูลิเวอร์พูล ทำลายความหวังลุ้นแชมป์ของยอดทีมจากเมอร์ซี่ย์ ไซด์ หลังจากวืดลูกโยนของแกรี่ เนวิลล์ ให้บอลไปเข้าเท้าแอนดี้ โคล ซัดประตูสู่แชมเปี้ยน ของปีศาจแดง