ตำแหน่ง กองกลาง, มิดฟิลด์ วันเกิด 11 มกราคม 1957 (67 ปี)
สถานที่เกิด อังกฤษ ส่วนสูง 180 ทีมชาติ อังกฤษ เข้าร่วมทีม 5 ตุลาคม 1981
มันช่างเป็นการปิดฉากฤดูกาล 1992/93 ที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกได้ในฤดูกาลนั้น โดยที่ ไบรอัน ร็อบสัน เป็นคนยิงประตูชัยในเกมสุดท้ายที่เอาชนะวิมเบิลดัน 2-1 ที่เซลเฮิร์สท พาร์ค
เมื่อ 6 วันก่อนหน้านั้น กัปตันมาร์เวลเพิ่งจะได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ ลีก ร่วมกับ สตีฟ บรู๊ซ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นการยุติการรอคอยอันยาวนาน 26 ปีที่ทีมห่างหายจากความสำเร็จในลีกสูงสุดของประเทศ
อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงทำให้ร็อบสันพลาดการลงเล่นไปหลายเกม แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาอย่างกล้าหาญ และยึดตำแหน่งของเขาคืน เขาพบกับอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้งจากสไตล์การเล่นที่ทุ่มเททั้งกับสโมสร และทีมชาติ จนสื่อมวลชนถึงกับแซวว่าเขาควรจะหัดผ่อนคลายลงบ้าง! ถือว่าเขาเป็นนักเตะที่ทุ่มเททำผลงานคุ้มค่าทุกราคาที่จ่ายไป
ช่วงแรกๆ ในอาชีพค้าแข้งของเขากับเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน เขาขาหักถึง 3 ครั้งในรอบปี นั่นอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออนาคตของเขาเลย แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
เขาลงเล่นในลีกไปเกือบ 200 เกมให้กับเดอะ แบ็กกี้ส์ โดยยิงประตูไป 39 ลูก จากนั้นเมื่อ รอน แอตกินสัน เข้ามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็นำอดีตลูกทีมของเขา 2 คนเข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัวรวมกัน 2 ล้านปอนด์คือ ไบรอัน ร็อบสัน และ เรมี่ โมเซส ทั้งคู่ย้ายมายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเดือนตุลาคมปี 1981 โดยค่าตัวเฉพาะร็อบโบ้คนเดียวก็เป็นสถิติในตอนนั้นแล้วคือ 1.5 ล้านปอนด์
บางคนอาจสงสัยในฝีมือของแอตกินสัน แต่สุดท้ายร็อบสันก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในยอดมิดฟิลด์ของยุคนั้น เขาก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทน เรย์ วิลกิ้นส์ นักเตะที่มีส่วนช่วยให้ไบรอันได้พัฒนาฝีเท้า รวมถึงการอ่านเกม
ในช่วงที่ร็อบสันขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาคือเพชรแท้ที่ส่องประกาย ด้วยพละกำลังที่ไม่มีวันหมด ทักษะการจ่ายบอลที่สร้างสรรค์ทั้งในเกมรุก และเกมรับ การเข้าปะทะที่ดุดัน รวมถึงสิ่งอื่นที่เสริมเข้ามาอีกทั้งความเร็ว ลูกยิงที่หนักหน่วง และการขึ้นเล่นลูกกลางอากาศ
ร็อบสันยิงประตูรวมได้เกินร้อยจากการค้าแข้งในลีก ส่วนใหญ่มาจากการวิ่งเติมเข้ามาในกรอบเขตโทษ แต่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่เขาเป็นกัปตันให้กับทั้งสโมสร และทีมชาติ เขาพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ แบบแฮตทริคในปี 1983, 1985 และ 1990 โดยในนัดชิงชนะเลิศ ปี 1983 ที่พบกับไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เขายิงคนเดียว 2 ลูกในนัดรีเพลย์ให้ทีมชนะไป 4-0
เขาได้เป็นรองแชมป์ลีก คัพ ในปี 1991 และก็คว้าเหรียญรางวัลในระดับยุโรปมาคล้องคอได้สำเร็จเมื่อได้ชูถ้วยแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ ในฤดูกาลเดียวกัน
ร็อบสันติดทีมชาติอังกฤษไปทั้งหมด 90 ครั้ง โดยได้สวมชุดทีมสิงโตคำรามทำศึกฟุตบอลโลก 3 สมัย ประตูในนามทีมชาติทั้ง 26 ลูกของเขานั้นรวมถึงแฮตทริคที่พบกับตุรกีในปี 1984 ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีการยิงประตูอย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียง 27 วินาทีที่พบกับฝรั่งเศสในฟุตบอลโลก 1982 ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่เร็วที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ในช่วงโค้งสุดท้ายของร็อบสันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาได้ลงเล่นไม่มากนัก อย่างไรก็ตามเขายังคงมีอาชีพที่น่าจดจำด้วยการพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ทั้งบอลลีก และบอลถ้วยในปี 1994
จากนั้นเมื่อเขาแขวนสตั๊ด เทอร์รี่ เวนาเบิลส์ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนใหม่ในตอนนั้นก็ทาบทามให้เขาเข้ามาเป็นมือขวา และต่อมาร็อบสันก็ถูกติดต่อให้เข้าไปรับงานคุมทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ เขาเป็นผู้จัดการทีมอยู่ที่นั่นนานถึง 7 ปี ก่อนที่จะอำลาทีมไปในเดือนมิถุนายน 2001
หลังจากนั้นเขาก็มารับงานคุมสโมสรที่เขาเคยค้าแข้งให้เป็นทีมแรกนั่นก็คือเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ซึ่งเขาพาทีมรอดพ้นการตกชั้นได้สำเร็จในฤดูกาล 2004/05 กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ทำให้ทีมที่อยู่อันดับสุดท้ายในช่วงคริสต์มาสอยู่รอดต่อไปในพรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามในปีต่อมา เดอะ แบ็กกี้ส์ ก็ร่วงตกชั้นไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จนได้ พวกเขาพยายามเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้สำเร็จภายในปีต่อมา แต่หลังจากที่เก็บได้เพียงแค่ 12 แต้มจาก 8 เกมแรก ร็อบสันก็แยกทางกับทีมไปในวันที่ 18 กันยายน 2006 ด้วยการตกลงร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย
|