จุดเปลี่ยนผันของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หลาย ๆ คนทราบดีว่าเกิดขึ้นหลังจากที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมประกาศอำลาตำแหน่งในปี 2013 ซึ่งจากเหตุการณ์นี้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่เพียงแต่สูญเสียผู้จัดการทีมในตำนานไปเท่านั้น แต่ยังสูญเสียผู้นำที่แข็งแกร่งที่เป็นผู้สั่งสมและสร้างภาพลักษณ์อันดีของทีมมายาวนานหลายปี ในช่วงหลังจากการเกษียณอายุของเขา แนวทางการบริหารของตระกูลเกลเซอร์กลับเน้นไปที่ผลประโยชน์มากกว่าความหลงใหลในฟุตบอล รวมไปถึงผู้จัดการทีมก็ไม่ได้รับเวลาหรือการสนับสนุนอย่างเต็มที่เพียงพอในการสร้างกลยุทธ์ให้แก่ทีม
มองย้อนไปในยุคที่ทีมยังคงรุ่งเรือง
ช่วงปี 1990-2000 เป็นช่วงปีที่ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก้าวขึ้นมาครองบัลลังก์เป็นสุดยอดทีมฟุตบอลของประเทศอังกฤษโดยคว้าแชมป์ลีกไปได้มากถึง 20 สมัย และแม้แต่เวลาผ่านมาถึงยุค 2000-2010 ซึ่งเป็นยุคที่ m88 เครดิตฟรี เริ่มก่อตั้งพอดี ก็ยังคงครองความยิ่งใหญ่เอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยคว้าแชมป์ไปได้มากถึง 5 ฤดูกาลจากการแข่งขัน 10 ฤดูกาล ...แต่ใครจะไปรู้ว่าชื่อเสียงและตำแหน่งเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เพราะเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน ก็ย่อมต้องมีคู่แข่งมากหน้าหลายตาเข้ามาชิงบัลลังก์นี้
จุดเริ่มต้นอันสดใสในความหวังอันริบหรี่ของยุคเอริก เตน ฮาก
การแต่งตั้งเอริก เตน ฮากเป็นผู้จัดการทีมทำให้เกิดกระแสความหวังใหม่ เขาได้สร้างความหวังในการกอบกู้ชื่อเสียงของทีมและเอาชนะใจแฟน ๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยการพาทีมคว้าถ้วยลีกคัพ อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของทีมนั้นยังไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากปัญหาในการคัดเลือกผู้เล่นและความฟิตของทีมทำให้ทีมยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ยุคที่ชุบชีวิตความหลงใหลในฟุตบอล
เมื่อเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ก้าวเข้ามา เขาได้ครองใจแฟนหลายคนด้วยการเน้นสร้างวัฒนธรรมในทีมที่ให้ความสำคัญกับฟุตบอลมาเป็นอันดับหนึ่ง เขาตั้งเป้าหมายเพื่อให้เป็นแชมป์ลีกภายในปี 2028 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แฟน ๆ หลายคนต่างตื่นเต้นตั้งตาคอย
รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่ผู้ฉายแวว
การตัดสินใจอันยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งของแรตคลิฟฟ์คือการเลือกรูเบน อโมริมเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมคนต่อไป อโมริมมีประวัติสร้างความสำเร็จมาแล้ว และหลายคนเชื่อว่าการแต่งตั้งเขาเข้ามาจะทำให้ฟอร์มทีมที่ขาดหายไปหลายปีกลับมามีความสม่ำเสมอในที่สุด
ความท้าทายของทีมที่รออยู่
แม้จะมีความหวังว่าผู้นำคนใหม่จะนำการเปลี่ยนแปลงมาให้ทีม แต่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเองก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในวงการฟุตบอล คู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ ลิเวอร์พูล และอาร์เซนอลต่างก็แข็งแกร่งขึ้น และทีมของยูไนเต็ดเองก็ต้องซ้อมหนักขึ้นมาก การสร้างทีมขึ้นมาใหม่นอกจากจะใช้แค่การลงทุนทางการเงินแล้วยังต้องมุ่งมั่นที่จะยึดมั่นในวิสัยทัศน์เดียวกันแม้จะเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก กลยุทธ์ของเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์เน้นที่ปัจจัยเหล่านี้ โดยตั้งใจที่จะป้องกันไม่ให้เกิดวัฏจักรเดิม ๆ ภายในทีม
สรุป การฟื้นฟูทีมของยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยังถือว่าเป็นทีมที่มีความหวังอยู่ในอนาคต เป้าหมายของแรตคลิฟฟ์นั้นเรียกได้ว่ามีความทะเยอทะยานแต่ก็สร้างแรงบันดาลใจ หากรูเบน อโมริมรับบทบาทผู้จัดการทีม ยูไนเต็ดอาจกลับมามีฟอร์มที่สม่ำเสมอและสามารถเรียกความมั่นใจในช่วงที่ยังเคยรุ่งโรจน์ให้กลับมาได้ในที่สุด