อดีตปราการหลังทีมปีศาจแดงออกความเห็นถึงความคล้ายคลึงกันระหว่าง 2 ดาวยิง เอริค คันโตน่า และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ การคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2013 นั้น มีบางสิ่งที่คล้ายกันอย่างโดดเด่นกับสมัยที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าถ้วยแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นั่นก็คือความล้มเหลวจากฤดูกาลก่อนหน้า และการไปคว้าของดีจากทีมคู่แข่งมาอย่างอุกอาจ นี่คือกุญแจสำคัญของการเถลิงบัลลังก์ทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว
สำหรับชัยชนะในปี 1993 นับเป็นการยุติการจบฤดูกาลแบบไร้แชมป์ลีกมานาน 26 ปีสำหรับทีมปีศาจแดง นับตั้งแต่ยุคของ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ในปีนั้นทีมได้แรงกระตุ้นชั้นดีจากการที่เซอร์ อเล็กซ์ ไปคว้าตัว เอริค คันโตน่า จากลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมแชมป์เก่ามาร่วมทีมในเดือนพฤศจิกายน และเขาก็เปลี่ยนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากทีมที่ดีทีมหนึ่งให้กลายเป็นสุดยอดทีม
หลังค่ำคืนวันจันทร์ที่ทีมคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะแอสตัน วิลล่า จากฝีเท้าแฮตทริคฮีโร่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กุนซือปีศาจแดงก็ได้บอกเอาไว้ว่าดาวยิงดัตช์นั้นเป็น "นักเตะที่สร้างผลกระทบต่อทีมมากที่สุดเท่าที่พอจะนึกออก" เลยทีเดียว
สำหรับคนที่ทันยุคของคันโตน่าก็อาจจะคิดว่ามันควรจะเป็นเขามากกว่าหรือเปล่าที่เซอร์ อเล็กซ์ น่าจะพูดถึง แต่การที่เซอร์ อเล็กซ์ กล้าไปคว้าตัวฟาน เพอร์ซี่ ออกมาจากรังของอาร์เซนอล ก็ทำให้ดีลซื้อขายตัวผู้เล่นในครั้งนี้ดูคล้ายกันเป็นอย่างมาก
และสำหรับ แกรี่ พัลลิสเตอร์ การคว้าแชมป์ในฤดูกาลล่าสุดนี้ก็ทำให้เขานึกย้อนไปถึงความทรงจำสมัยที่ทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกเมื่อ 2 ทศวรรษก่อนเช่นกัน
เมื่อปีที่แล้วเซอร์ อเล็กซ์ และทีมสต๊าฟฟ์โค้ชของเขาได้ลองถามนักเตะมากประสบการณ์อย่าง ไรอัน กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์ ว่ารู้สึกอย่างไรหากจะคว้าตัวดาวยิงของอาร์เซนอลอย่างอาร์วีพีมานั่งในห้องแต่งตัวที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด และสิ่งที่คล้ายกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในช่วงที่เขากำลังเตรียมแผนดึงตัวคันโตน่าในปี 1992
"นี่เป็นหนึ่งในการบริหารทีมที่ยอดเยี่ยมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาไม่ได้มีอีโก้ขนาดที่ว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างใจเขาคนเดียวเสมอไป" พัลลิสเตอร์เผย
"เขามักจะรับฟังนักเตะอยู่เสมอ และก็ถามความเห็นของพวกเขาด้วย เขาตระหนักอยู่เสมอว่าจะต้องทำงานร่วมกันกับลูกทีม ยกตัวอย่างตอนก่อนนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 1996 ที่พบกับลิเวอร์พูล เขาเริ่มคิดไม่ตกว่าจะวางแผนสู้กับพวกเขาอย่างไรที่เวมบลีย์"
"เขาก็เลยเรียกพวกเรา 2 - 3 คนเข้าไปในออฟฟิศของเขา แล้วก็เริ่มถกกันถึงเรื่องนี้ เราบอกกับเขาว่าเราจะเล่นกันสบายขึ้นหากใช้แผน 4-4-2 จากนั้นเราก็ลงไปเล่นด้วยแผนนี้ ก่อนจะคว้าแชมป์ถ้วยนั้นได้สำเร็จ"
"เขายังเคยไปถาม สตีฟ บรู๊ซ เกี่ยวกับคันโตน่าด้วยเหมือนกัน ในฤดูกาลก่อนที่จะซื้อตัวเขามา วันหนึ่งหลังจากที่เราแข่งกับลีดส์เสร็จ พวกเราก็เข้าไปหาอะไรดื่มกันในบาร์ แล้วเขาก็เดินเข้ามาถามพวกเราว่า พวกนายคิดยังไงกับนักเตะฝรั่งเศสคนนั้น?"
"บรู๊ซซี่กับผมบอกไปเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาน่ะเป็นนักเตะที่รับมือด้วยยากมากๆ ผมจำได้ว่าผู้จัดการทีมเคยเล่าถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน โดยบอกว่าเรายอมรับว่าตามประกบเขาไม่อยู่ แต่ผมจำได้ว่าไม่เคยพูดอย่างนั้นซะหน่อย! แต่ถึงอย่างไรเอริคก็เป็นคู่แข่งที่รับมือยากจริงๆ นั่นแหละ ดังนั้นเมื่อลองนึกดูแล้วมันก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรเลยที่กุนซือของเราจะไปคว้าตัวเขามาจนได้"
ฤดูกาลก่อนหน้านั้น คันโตน่าพาทีมลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาหมาดๆ ในตอนนั้นทีมปีศาจแดงมาพลาดท่าเอาในช่วงโค้งสุดท้าย เนื่องจากสภาพทีมเต็มไปด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ แถมยังต้องเจอกับโปรแกรมเตะที่ชุกเอามากๆ ด้วย
มันเป็นการไล่ล่าแชมป์ที่จบลงด้วยความชอกช้ำ มันเจ็บปวดพอๆ กับที่ทีมปีศาจแดงต้องทนดูแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบียดคว้าแชมป์ไปต่อหน้าต่อตาในเดือนพฤษภาคมปีก่อน ในวันสุดท้ายของการแข่งขัน
"มันยากที่เราจะลบความผิดหวังนี้ออกจากหัวไปได้ และผมก็คิดว่าเราต้องการตัว เอริค คันโตน่า ความแตกต่างที่เขานำมาสู่ทีมก็คล้ายๆ กับการที่ทีมขาด โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ไม่ได้ในฤดูกาลนี้ การย้ายมาของสุดยอดนักเตะแบบนี้ช่วยยกระดับของทุกๆ คนในทีมขึ้นมา"
"ในฤดูกาล 1991-1992 นั้น ความรู้สึกมันเป็นอะไรที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ เราเหมือนกับเมาค้างเลยทีเดียว เรารู้สึกเศร้ามากเพราะเอฟเอจัดให้เราเตะช่วงท้ายฤดูกาลแบบถี่ยิบถึง 4 แมตช์ในรอบ 9 วัน มันทำให้เราหงุดหงิดจนทำอะไรผิดพลาดไปหมด มันน่าเจ็บใจด้วยที่เห็นสื่อต่างๆ บอกว่าพวกเราเป็นฝ่ายทำถ้วยแชมป์หลุดมือไปเอง ดังนั้นเราจึงพากันรอคอยฤดูกาลใหม่อย่างใจจดใจจ่อ"
"ลึกๆ แล้วเรารู้ดีว่าเราดีพอสำหรับการคว้าแชมป์ แต่เราจำเป็นต้องมีอะไรมาปลุกเร้ากันหน่อยทั้งสภาพจิตใจและฟอร์มการเล่น จนกระทั่งเอริคย้ายเข้ามา"
"เขานำอิทธิพลมาสู่พวกเราอย่างสร้างสรรค์ เราเองเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และว่องไวอยู่แล้ว แต่เหมือนยังขาดอะไรสักอย่าง ก็เหมือนกับทีมชุดปัจจุบันนี่แหละ พวกเขาดีอยู่แล้ว แต่ยังขาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่"
"พวกเขาเจ็บปวดมาจากฤดูกาลก่อนหน้าเหมือนกัน ก่อนที่การมาของ ฟาน เพอร์ซี่ จะกลายเป็นแรงผลักดันที่ช่วยให้ทีมทำผลงานได้ดีขึ้น"
"มันยอดเยี่ยมที่เราได้ตัวคันโตน่า เช่นเดียวกับที่โรบินเข้ามาปฏิวัติทีม เขาทำได้ทุกอย่าง เป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เขาอาจจะเป็นนักเตะประเภทที่คุณคงเกลียดขี้หน้าหากว่าอยู่ทีมคู่แข่ง แต่คุณจะรักเขาเลยเมื่อเป็นนักเตะในทีมของคุณ"
"ผมนั่งดูแมตช์ที่เจอกับแอสตัน วิลล่า เมื่อคืนวันจันทร์ในบ็อกซ์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ร่วมกับ ไบรอัน ร็อบสัน และอีกหลายคน ตอนที่เขายิงประตูที่ 2 ได้ พวกเราถึงกับลุกขึ้นยืน และปรบมือให้ มันเป็นช่วงเวลาที่คุณจะต้องร้องอุทานออกมาด้วยความทึ่ง"
"คุณลองนึกย้อนไปถึงลูกชิพของเอริคที่ยิงใส่ซันเดอร์แลนด์ หรือลูกฟรีคิกในนัดพบกับอาร์เซนอลดูก็ได้ ความรู้สึกมันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ"
"ผมนึกถึงตอนที่เจอกับ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ของอาร์เซนอล แล้วก็ โรมาริโอ สมัยที่เขาเล่นอยู่กับบาร์เซโลน่า คุณจะมีความคิดที่ว่า จะประกบเขาให้อยู่ได้ยังไงล่ะเนี่ย?"
"ทั้งคู่ต่างเป็นนักเตะอัจฉริยะ เขาทำในสิ่งที่คุณคาดไม่ถึงเสมอ และจะหลอกคุณไปคนละทางอยู่ตลอด คุณไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยว่าพวกเขาจะทำอะไรบ้าง เอริคเองก็เป็นเช่นนั้น โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ด้วย ทั้ง 2 คนเป็นนักเตะที่พร้อมทำให้คุณขาดใจได้ตลอดเวลา"